July 19, 2011

นมัสการหลวงพ่อนะ วัดปทุมธาราม หรือวัดหนองบัว

อุโบสถที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเรียบร้อยแล้ว

วัดหนองบัว หรือวัดปทุมธาราม เป็นวัดเก่าแก่ สมัยตา-ยาย และพ่อ-แม่ของเรา ตอนเด็กยายและแม่มักจะพาพวกเรามาทำบุญที่วัดนี้ประจำ หากบ้านเราจะมีงานบุญ หาฤกษ์งามยามดีเพื่อทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นงานโกนจุก ของตัวเราเองสมัยเด็ก งานแต่งงานของเรา งานบวชของน้องชาย, แม่ก็จะมาให้หลวงพ่อนะดูฤกษ์ ดูวันและเวลาให้เสมอ รวมไปถึงวันที่เราจะต้องผ่าตัดคลอดลูกทั้งสองคน ก็ยังให้หลวงพ่อนะหาเวลาดีๆให้ แล้วยังเป็นพระที่ตั้งชื่อไทยของลูกชาย-ลูกสาวของเราอีกด้วย(ปัจจุบันลูกทั้งสองคนก็ยังใช้ชื่อไทยที่ท่านตั้งให้อยู่โดยไม่ได้เปลี่ยนเลย)



หลวงพ่อนะ จะเก่งด้านโหราศาตร์ ทั้งทำนาย และเก่งด้านการรักษาโรคด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ชาวบ้านหรือคนที่รู้จักท่าน มักจะมาหาท่านเพื่อขอน้ำมนต์ หรือให้ท่าทำยาเพื่อรักษาโรคให้ ตอนเราแต่งงานกันใหม่ๆ เราสองคนก็ยังมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ที่นี่เหมือนกัน โดยหลวงพ่อนะ ทำพิธีให้และให้เราสองคนปล่อยปลาดุก และให้รับปากว่า ให้ชีวิตเค้าแล้ว เราก็ไม่ควรจะทำลายเค้าอีก คือท่านไม่ให้เราสองคนกินปลาดุกตลอดไป

พวกเรามักจะแวะมากราบไหว้หลวงพ่อนะทุกครั้งที่มีโอกาส แต่มาระยะหลังๆนี้ไม่ได้เข้ามากราบถึงตัวท่านซักครั้งเลย เพราะท่านจะมีแขกมาเยี่ยมเยียนกันมากมาก อีกอย่างท่านอายุมากขึ้น อยากให้ท่านได้พักผ่อนมากกว่า จึงกราบไหว้ที่โบถท์ ซึ่งมีรุปหล่อของท่านตั้งไว้ในนี้



รูปหล่อหลวงพ่อนะ พี่พวกเรามากราบไหว้กันวันนี้ 


โบถท์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อปี 53 นี่เอง เป็นโบถท์ที่ถูกสร้างด้วยการยกฐานโบถท์ให้สูงขึ้้น และให้คนเข้ามาเดินลอดใต้โบถท์เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตัวเราเอง


ภายในก็มีพระพิฆเนตร ประดิษฐานอยยู่หลายองค์ ไว้ให้กราบไหว้และบูชากัน 


ฆ้องขนาดใหญ่ คนที่ดูแลอยู่ในบริเวณนั้น บอกให้เอามือลูบไปเรื่อยจะเกิดเสียงดัง ..หลายคนก็ลองลูบดู แต่เราไปลูบบจนเมื่อยมือ ไม่มีเสียงเลย ฮ่าๆๆๆ แต่หลานชายกับแม่ลูบแล้วมีเสียงดังมาก


พระมหาธาตุเจดีย์ศรีชัยนาทซึ่งต่อ ไปจะเป็น “องค์พระมหาธาตุ” ที่สำคัญ แห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาท


อ่านชีวประวัตหลวงพ่อน่ะได้ที่ http://site.watpartumtharam.com/about-watpartumtharam/48-chai-pathum-business-biography-provost.html


พระพุทธรูปปูนปั้นปางพระประทานพร องค์ใหญ่ประทับอยู่กลางแจ้ง
 เจดีย์เก่าแก่

สำรับบรรจุพระบรมสารีริกธาติ

No comments: