อยู่ค้างที่บางแสน 2 คืน แค่ 2 คืนลูกๆยังบอกไม่พอ อยากอยู่นาน ไม่รู้ติดใจอะไร หรือเป็นเพราะเค้าไม่ค่อยได้เจอน้าโนด น้ารีย์ พี่เมย์ และพี่มินท์ กันมานาน พอเจอกันเลยอยากอยู่หลายวันให้หายคิดถึง อีกอย่างทั้งลูกๆทั้งสองคน ไม่เคยนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ วันนั้น ทั้ง"น้ารีย์และพี่เมย์" พาขี่มอเตอร์ไซด์ เที่ยวกันสนุกไปเลย เลยติดใจอยากอยู่อีกหล่ะมั้ง แต่ไม่สามารถอยู่นานกว่านี้ ต้องกลับมาทำงานต่อ เลยบอกลูกว่าเอาไว้ก่อนกลับสิงค์โปร์เราจะแวะมาเที่ยวหรือพักกันใหม่
คืนแรกไปพักบ้านพัก ไม่ค่อยจะถูกใจนัก เพราะเป้นเพียงห้องพักเล็กๆ เท่านั้น แต่สามารถพักได้ 4 คนเพราะเป็นเตียงใหญ่ 2 เตียง มีแอร์ (ซึ่งจริงก็ไม่ได้อยากได้แอร์ เพราะอากาศเย็นสบาย)แต่เนื่องจากขี้เกียจไปหาที่อื่นแล้ว ก็เลยตกลงใจพักที่ห้องพักนี้ คืนละ 800 บาท
พอตอนเข้า ก็ค่อยขับรถหาที่พักใหม่ ก็ไปเจอรีสอร์ท เล็กๆน่ารัก ซึ่งความจริงแล้ว รีสอร์ทแห่งนี้ อยู่ในซอยแถวบ้านที่น้องชายเช่าอยู่ แต่ด้วยความที่ลืมไป เลยไม่ได้คิดจะแนะนำเราไปพักที่นั่น พอตอนเช้า พูดเรืองที่พัก น้องสะใภ้เลยรีบขับรถไปดูให้ แล้วเจอที่พักนี่ สวยถูกใจ บริการน่ารัก แถมราคาถูกกว่าห้องที่พักคืนแรกอีกด้วย นั่นคือ "บางแสนคลาสสิครีสอร์ท - BangSaen Classic Resort" อยู่ในซอย 2 (เค้าเรียกถนนอะไรหว่าลืมไปแล้ว) รู้แต่ว่าซอยนี้ อยู่ตรงข้ามกับสถานีตำรวจแสนสุขนะคะ ขับเข้ามาประมาณ 500 เมตร จะเห็นป้ายบอกทาง ให้เลี้ยวขวาเข้ามา แล้วก็จะเจอป้ายนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยหล่ะค่ะ ไม่มีทางเลย หรือหลงแน่นอน
เข้ามาแล้วก็จะเจอสำนักงานของรีสอร์ท เพื่อติดต่อสอบถามห้องพัก ที่นี่ถ้ามาวันธรรมดา ห้องพักจะว่างจึงไม่ต้องจอง ส่วนราคาวันจันทร์-วันพฤหัสฯ จะถูกกว่าวันศุกร์-อาทิตย์ ที่พักนี่จะค่อนข้างเงียบหน่อย เพราะอยู่ไกลจากตัวเมือง หรือตัวชายหาด แต่ก็ไม่ไกลเกินไป จากรีสอร์ท เดินออกมาปากซอย แล้วนั่งสองแถวเข้าตลาด ก็สะดวกค่ะ
ด้านข้างของสำนักงาน
บ้านพักแบบเรือนทรงไทย ก็มีให้เลือก ตอนเข้ามาดูทีแรก ชอบมากค่ะ กะว่าจะเช่าเรือนทรงไทยนี่แหละ แต่ติดตรงที่ว่าพัก 4 คนไม่ได้ เพราะหลังนี้ สำหรับพัก 2 คน ลูกๆก็อยากให้เช่าเรือนไทย แต่ต้องเช่า 2 หลังๆละ 700 เลยไม่เอาดีกว่า เพราะเราเช่าห้องใหญ่ พักได้ 4 คน (เสริมที่นอน) ราคาก็ 700 เหมือนกัน เราเลยพักที่ห้องใหญ่ สามารถจอดรถได้ที่หน้าห้องเลย ภายในห้องพัก กว้างขวางเหมือนกัน ถ้ามาแบบบ้านนอกๆหน่อยน่ะ ก็คงได้ 5-6 คนเลยแหล่ะ สามารถปูเสื่อนอนกับพื้นได้อีก 3-4 คนเลยทีเดียว
เตียงเป็นคิงส์ไซด์ นอนได้สามคนเลย ส่วนลูกชายนอนโซฟา อิอิอิ เพราะเค้าให้ที่นอนเสริม ทีแรก ตอนเค้าบอกเสริมที่นอนให้ เราก็นึกว่าจะเป็นฟูกเล็กๆ ที่ไหนได้ เป็นแค่เสื่อปิกนิค ที่ด้านหนึ่งหุ้มผ้านุ่มๆไว้ แล้วปูนอนกะพื้น ซึ่งแข็งมาก แล้วตอนกลางคืนอากาศมันเย็นด้วย เจ้าลูกชายนอนไม่ได้เลยขึ้นไปนอนบนโซฟา ซึ่งโซฟาก็ตัวเล็กๆ ส่วนตัวลูกชายขายาวเกินมาครึ่ง ฮ่าๆๆๆ
มีทีวี -เคเบิลทีวี ให้ชม มีโต๊ะกระจกด้วย
มีโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับนั่งรับประทานอาหาร จัดไว้ภายในห้อง 1 ชุด
มีโซฟา (ตัวนี้แหละที่ลูกชายนอน) มีตู้เย็นและตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำสะอาดสะอ้านดี และที่สำคัณมีน้ำอุ่นให้ด้วยแหละ (อ้อ ลืมบอกไปว่า ที่บ้านพักคืนแรกไม่มีน้ำอุ่นให้ แหมมม หว่าจะอาบน้ำกันได้ ต้องร่ายเวทมนต์กันนานเลย ฮ่าๆๆๆ)
มาดูบริเวณรอบๆกันบ้าง เดินไปด้านหลังของรีสอร์ท มีป้ายบอก "มุมกาแฟ"เค้าจะจัดมุมกาแฟ ไว้ด้านหลังของรีสอร์ท ผู้ที่มาพักที่นี่ สามารถชงเครื่องดื่มกันเองได้ที่นี่ ทางรีสอร์ทเค้าจัดไว้ให้ ซึ่งจะมีกาแฟ โอวัลตินไว้ให้น่ะค่ะ ส่วนตอนเช้า จะมี ขนมปังกรอบหรือคุกกี้จัดวางไว้ให้เช่นกันค่ะ
จัดซุ้มกาแฟได้น่ารักจริงๆ เป็นธรรมชาติดี เหมือนนั่งดื่มกาแฟในสวนหลังบ้านยังงัยยังงั้นเลยหล่ะค่ะ ตามเรามากินกาแฟกันเลยค่ะ เค้ามีให้ฟรี!
อ้าวววว คนชงกาแฟ อยู่นี่เอง แหมมม พอบอกว่าที่นี่มี "มุมกาแฟ" ไว้ให้แถมฟรีด้วย ถูกใจมากซีน่ะ รีบมาชงก่อนใครเลยเชียว งานนี้คุณสามีชอบใจ ถ้าที่ไหนมีกาแฟบริการตลอด 24 ชม พี่แกไม่ไปไหนก็ได้ เพราะมีกาแฟให้กินบ่อยๆ
No comments:
Post a Comment