January 27, 2007

Mae Sa Elephant Show at Mae-Rim, Cheang Mai


เสร็จจากการแสดง ก็เป็นการให้รางวัล นั่นคือ ซื้ออาหารให้ช้างค่ะ ...ทั้งกล้วยและอ้อย


เจ้าช้างน้อยดีใจ แถมได้กินมากมายเลยงานนี้ ...ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่จ้ะน้องช้าง


เอ้..ลูกเราไม่กล้า...ยืนมองเฉยเลย ..ไม่ต้องกลัวลูก ..ช้างไม่กัด ฮ่าๆๆๆ


อ้าวววอย่าว่าแต่ลูกเลย พ่อก็ยืนจ้องอยู่นั้นแหละ ...ส่งซะทีซีเพ่...


ของกินเยอะแยะ คนซื้อให้ช้างมากมาย เจ้าช้างก็ไม่รู้จะรับจากใครก่อนดี ...

Mae Sa Elephant Show at Mae-Rim, Cheang Mai


เที่ยวปางช้างแม่สา ที่อำเภอแม่ริม เป็นศุนย์ฝึกช้างและการแสดงช้าง


เหล่าบรรดาช้างน้อยเต้นโชว์ผู้ชมที่มาชมกันมากมาย

ช้างเตะบอล..ดาวยิงของปางช้างแห่งนี้


ส่วนเจ้าตัวนี้ก็เป็นผู้รักษาประตู ที่งานนี้ไม่มีตัวไหนพังไประตูไปได้เลย เพราะเจ้านี่กันได้ดี


จากนั้นเป็นการแสดง ช้างวาดภาพ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์จริงๆ ที่ช้าง สามารถใช้งวงวาดภาพได้


วาดออกมาได้สวยงาม ไม่แพ้คนเลยทีเดียว น่าทึ่งทั้งผู้ฝึกและเจ้าช้างน้อย ภาพที่ช้างวาดเสร็จแล้ว
ทางปางช้าง จะนำไปตั้งขายในร้านขายของที่ระลึกของปางช้างแห่งนี้


ช้างนวด..ใครสนใจ ไม่ต้องไปสปาเลยค่ะ อิอิอิ


ปาลูกดอกใส่ลูกโป่ง แข่งกับผู้ชมที่ร่วมเล่นด้วย




การแสดงสุดท้าย โชว์ความแข็งแรง ของช้างพลาย ที่สมัยก่อนคนมักใช้ช้างลากซุงและทำงาหนักๆ แทนเครื่องจักร์ได้ค่ะ

พระนางจามเทวี จ. ลำพูน



อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ตั้งอยู่ตำบลในเมือง บริเวณสวนสาธารณะหนองดอก ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 1 กม
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แดพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย พระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม
ความสามารถและกล้าหาญ ได้นำพุทธศาสนาศิลปวัฒนะธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้ จนมีความรุ่งเรืองสืบมาจนถึงทุกปัจจุบัน
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร ได้เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2525


วัดพระบาทตากผ้า จ.ลำพูน

วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตั้งอยู่ตำบลมะกอก เดินทางไปตามถนนหลวงหมายเลข 106
ช่วงกิโลเมตรที่ 136-137 เข้าไปประมาณ 1 กม จะเห็นบันไดทางเข้าวัดอย่างชัดเจน
วัดนี้เป้นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน

ตามตำนานการสร้างวัด เล่าว่าพระพุทธองค์ พร้อมด้วยสาวกได้เสด็จจารึกสั่งสอนไปตามที่ต่างๆ จนถึงที่แห่งนี้ ได้รับสั่งให้นำจีวรที่ซักระหว่างทางออกมาตากกับหน้าผาหิน ซึ่งปัจจุบันก็ยังปรากฏเป็นรอยตาราง คล้ายจีวรของพระอยู่จนทุกวันนี้ จากนั้นจึงทรงอธิษฐานเหยียบพระบาทประดิษฐานรอบไว้บนลานผาลาด ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบัน

และบนม่อนดอบเบื้อหลังวัด ได้มีการสร้างเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์ม่อนดอย กับวัดพระบาทตากผ้าเชิงดอย ปัจุบันสามารถนำรถขึ้นไปได้
เมื่อถึงแรม 8 ค่ำ เดือนแปดเหนือ ซึ่งตรงกับวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีการสรงน้ำพระพุทธบาทเป็นประเพณีทุกปี
รอยพระพุทธบาทในโบสถ์ด้านล่าง ที่มีคนเข้ามากราบไหว้บุชา

มองอีกด้านหนึ่งของโบสถ์


เจดีย์บนยอดอยม่อน เป็นเจดีย์ที่สร้างโดยนำศิลปะจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย มาผสมผสานกัน ด้านในพระเจดีย์แห่งนี้ เป็นที่บรรจุอัถฐิของพระครูบา 4 องค์ (แต่จำชื่อไม่ได้ว่ามีพระครูบาชื่ออะไรบ้างค่ะ)

เรือนทรงไทยโบราณ ที่หาดูได้ยากมากสมัยนี้ ตั้งอยู่ทางขึ้นชมพระเจดีย์ดอยม่อน

จากบนยอดดอยม่อน มองลงมาจากทางบันไดนาค ที่เห็นไกลนั่น ก็โบสถ์ ที่อยู่ด้านล่าง