คลอง1
ชีวิตชาวบ้านริมคลองบางระมาด ...ตลิ่งชัน...เป็นชีวิตที่เรียบง่าย สงบเงียบ ที่ล้อมรอบไปด้วย คลองบางระมาด เป็นลำคลองที่แยกตัวมาจาก คลองบางกอกน้อย...ผู้คนที่อาศัยแถบชายคลอง ใช้ชีวิตเรียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนผู้คนในเมือง
ชาวบ้านแถบนี้ไม่ได้ทำสวน ไม่ได้ทำนา เหมือนสมัยก่อนๆ ผู้คนออกไปทำงานกันในเมือง ..ปล่อยให้คนแก่ คนเฒ่าอยู่บ้านกัน ...
มองแล้ว ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่าย และมีความสุขจริงๆนะค่ะ
คลอง2
คุณลุงคนนี้ เป็นคนรักธรรมชาติ ......แกไม่ยอมอยู่เฉยๆ....ชอบหาต้นไม้...ดอกไม้...ใบหญ้า... มาปลูกและดูแลรักษารดน้ำ พรวนดิน เป็นอย่างดี ตามประสาคนแก่ ที่ไม่อยากอยู่ว่างๆ .......บางทีใครๆผ่านไปผ่านมา ก็แวะคุยกะลุง....คุณลุงใจดี ให้ต้นไม้ติดมือกลับบ้านไปอีก...
คลอง3
ความร่มรื่นที่ปกคลุมไปด้วย....ต้นไม้.... ดอกไม้...ความงามของธรรมชาติ...ความเขียวขจี ของต้นไม้ ทำให้จิตใจแจ่มใส.... บริสุทธิ์....และเบิกบานยามได้ชม....
klong4
สายน้ำแห่งนี้ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของชาวบ้าน ริมคลองแถบนี้....
สมัยก่อนๆ ผู้คนสัญจรไป-มา ด้วยเรือพาย..ไม่ว่าจะไปวัด ทำบุญ .....ไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง-เพื่อนฝูง....หรือแม้แต่ไปตลาด .....ก็จะพายเรือกันไป....หนุ่มสาว-สาว ไปทำงาน พ่อแม่ก็จะพายเรือออกมาส่ง ข้ามฝากบ้าง แล้วต่อรถเมล์....เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง......
klong5
เดี๋ยวนี้ความเจริญมีมากขึ้น เลยพัฒนามาเป็น.....เรือยนต์ ทั้งโดยสาร และส่วนตัว เอาไว้ใช้งานแทนเรือพาย .....เพราะทุกวันนี้ทุกคนต้องแข่งขันกับเวลา....ทำให้การสัญจรไป-มา ต้องรวดเร็ว .....อย่างที่เห็นนี่ ....
แต่ก็มีข้อเสียบ้าง ในการใช้เครื่องยนต์....เพราะน้ำมันจากเครื่องยนต์ ก็ทำให้น้ำในคลองเกิดมลพิษได้ ....แต่ถ้าหากชาวบ้านริมคลอง.....หรือผู้ที่ใช้ลำคลองสายนี้....รู้จักและร่วมมือช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม......ให้ลำคลองแห่งนี้......สะอาดตลอดเวลา ....ก็คงจะสะอาดน่ามองแบบนี้เสมอไปค่ะ
klong6
ความสงบเงียบ.....ยามที่ทุกคนออกไปทำธุระกันข้างนอก ...ปล่อยให้น้ำในลำคลองไหลไปตามธรรมชาติ....
มองดูลำคลองแห่งนี้.......ร่มรื่นน่าอยู่มากกว่าบ้านในเมือง....เป็นไหนๆ
klong7
น้ำในคลองแห่งนี้ ดูสะอาดน่ามอง...ว่าคลองในกรุงเทพฯ อีกหลายๆๆแห่ง เช่น คลองแสนแสบ.... หรือคลองเปรมประชา...
ที่มีน้ำในคลองสกปรก ดำ และเหม็นอีกต่างหาก .....
หากพวกเราช่วยกันคนละไม้ละมือ คิดว่าคลองในกรุงเทพหลายๆแห่ง คงสะอาดขึ้นมาได้ซักวันค่ะ ......แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น....คงต้องรอดูกันไปค่ะ ........
ขอบคุณ น้องโจ้ (น้องที่ทำงานของมลเองค่ะ ที่ถ่ายภาพนี้มาให้.......
เพื่อสื่อความหมายของชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านริมคลองบางระมาด ..ซึ่งบ้านน้องโจ้ อยู่ที่นั่น ......
เลยได้รับภาพสวยๆๆพวกนี้ มาฝากพี่ๆๆคนไกลบ้านกันค่ะ โดยเฉพาะป้าโพ คงต้องคิดถึงบ้านแน่อนค่ะ ....
แม่ JJ (บรรยาย)
น้องโจ้ (ถ่ายภาพ)
9 comments:
ทั้งภาพและคำบรรยายยอดเยี่ยมมากค่ะ คุณนี่เก่งมาก ๆ ค่ะ บรรยายเสียจนคิดว่าอ่านหนังสือ "เมื่อคุณตาคุณยายยังสาว"
ยังงัยยังงั้นเลยค่ะ
อ่านและดูภาพแล้ว ช่างมีความสงบเงียบดีจริง ๆ ค่ะ สุขสงบสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกค่ะ คิดถึงบ้านเราจริง ๆ ค่ะ
ใครจะว่าบ้านเมืองเราอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เหมือนประเทศอื่น ๆ ก็ช่างเถอะ แต่ป้าโพก็ยังว่านั่นคือ "วิถีชีวิตไทย ๆ แบบคนไทย" ซึ่งจะไปเปรียบเทียบกับชาติอื่น ๆ นั้นไม่ได้
ของเรามีที่มาที่ไปว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ประเทศอื่น ๆ ที่เขาว่าเจริญ ๆ กันนั้นถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ เรียกว่า "ไม่มีรากแก้ว" เพราะถูกลัดตัดตอนมาให้โตแบบตอนกิ่ง ต่อกิ่ง หรือทาบกิ่งมา แต่ของไทยเรามันเกิดมาจากเมล็ดเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ เจริญเติบโตมาเรื่อย ๆ อาจจะใช้เวลานานในการให้ดอกให้ผล แต่ว่ายั่งยืนกว่าเพราะเรามีรากแก้ว ไม่เหมือนกับต้นไม้ที่ตอนกิ่ง ต่อกิ่ง หรือทาบกิ่ง นั่นถ้าล้มแล้วตายเลย ไม่มีทีรากที่แข็งแรงยึดเกาะ
นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งที่ป้าโพเลิกเปรียบเทียบเมืองไทย คนไทย และวิถีชีวิตแบบไทย ๆ กับอาณาอารยประเทศ
เพราะเราเป็นของเราแบบนั้น อย่าคิดเปรียบเทียบ
หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตราบใดที่เรายังคิดถึงอาหารไทย หรืออยากทานอาหารไทยอยู่ นั่นแหละแสดงว่าคุณยังมีวิถีชีวิตไทย ๆ อยู่ คุณเปลี่ยน
อย่างอื่นได้ เช่น ย้อมสีผม การแต่งตัว ภาษาพูด ความเป็นอยู่ หรืออื่น ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณเปลี่ยนมันไม่ได้ก็คือ "จิตใต้สำนึกเบื้องลึก" ว่าคุณมาจากไหน?
คนไหนลืมชาติกำเนิดของตัวเอง...คน ๆ นั้น ไม่จริงใจ
คบยาก เพราะแม้แต่ตัวเองยังหลอกตัวเอง นับประสาอะไร
กับคนอื่น ๆ...
มาขอจบว่า "ฉันรักบ้านเกิดเมืองนอนของฉันอย่างสุดหัวใจ และจะไม่มีวันเสื่อมคลาย" เพราะคุณของแผ่นดินผืนนี้ยิ่งใหญ่นัก เป็นต้นกำเนิดที่ทำให้ฉันมีทุกวันนี้...
"รักเมืองไทยและวิถีชีวิตแบบไทย ๆ "
คุณแม่ jjขา..น้องโจ้น่าจะถ่ายภาพตลาดน้ำตลิ่งชันมาให้ดูด้วย มีทั้งไม้ดอก ไม้ใบ ผักต่างๆ ตลอดจนผลไม้มากมาย บางครั้งจะเห็นคุณตาคุณยายมานั่งขายด้วยค่ะ มีผักพื้นเมืองบางอย่าง ที่เรายังไม่เคยเห็นก็มี เดินสุดทาง ก็มีแพอาหารหลากหลาย เลือกชมเลือกชิมได้ ใครอยากนั่งเรือชมสวนกล้วยไม้ และวัดก็ยังได้ กลับมาหิวก็นั่งหม่ำกันที่แพ ป้าแดงติดใจ ปลาเผาช่อนค่ะ หอมน้ำจิ้มอร่อย ไปๆมาๆก็มาหยุดที่เรื่องกินอีกแล้วววววว
อ้าวๆๆมาแก้คำผิดค่ะ ปลาช่อนเผาค่ะ ไม่ใช่เผาปลาช่อน หิวจนมือสั่น...พิมพ์ผิดไปเลย
ชอบจังค่ะ บ้านริมคลองเเบบนี้เเหละที่เคยฝันว่าวันหนึ่งอยากเป็นเจ้าของ เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย ดูสงบเเละไม่วุ่นวายดีค่ะ ขอบคุณน้องโจ้กับคุณเเม่เจเจค่ะ
จริงค่ะ ป้าโพ ....เมืองไทยมีธรรมชาติที่งดงาม มีวัฒนะธรรม โชคดีที่เกิดเป้นคนไทย ภูมิใจเหมือนกันค่ะ .....ป้าโพเองพูดได้ประทับใจมาก และดีใจที่มีคนไทยอย่างป้าโพค่ะ ...
ป้าแดงขา น้องเค้าไม่ค่อยว่าง เพราะมีลูกอ่อน อิๆๆๆ...แต่เค้าบอกว่า ถ้าว่างเค้าจะไปถ่ายให้ค่ะ ...คุยกันไว้แล้ว ตอนที่กลับไป...จริงๆมลอยากไปเอง แต่ว่าคนมันเยอะ ช่วงวันหยุด ..น้องเค้ายังบอกว่าไปวันธรรมดา..จะมีคนเยอะช่วงกลางวันเท่านั้น ...และของขายก็มีมากมายเหมือนเดิมค่ะ ....ว่าแต่ ป้าแดงไม่ว่างซะทีหล่ะค่ะ พาไปหน่อยซีค่ะ ....อิๆๆๆๆ
คุณ pastasiam มล..เองก็คิดอยากมีบ้านริมคลองแบบนี้ค่ะ ดูสงบสุข เป้นส่วนตัวมาก ...ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่น...มองเห็น ลำน้ำ ชื่นชมะรรมชาติ ซึ่งเป็นความสุข ที่อยากได้มากเลยค่ะ ...ความสุขบั้นปลายชีวิต สองคนตายายค่ะ ... ฝันเหมือนกัน อิๆๆๆ
เป็นไรไม่รู้วันนี้บ้านสองบ้านเงียบ "ชิ๊งฉ่อง" เลย หายไปไหนกันหมดจ๊ะเพื่อน ๆ.... ทิ้งบ้านทิ้งช่องเดี๋ยวโขมยลักกินหนมหมดยน๊า...
เราก็จะไปบ้างแล้วละ เพราะได้เวลาทำกับข้าวเหมือนกันค่ะ
ชอบบรรยากาศแบบนี้เงียบสงบดี สวยมากค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ที่หาดูได้ยาก
ถึงได้อยากไปซึมซับวิถีชีวิตแบบนี้ โดยการไปค้างโฮมสเตย์ที่อัมพวาสักคืนก็ยังดี นั่งเรือเที่ยวชมสวน ทานอาหารไทยๆน้ำพริกปลาทู ว่าแล้วต้องหาเวลาไปให้ได้
ป้าโพขา ไม่ได้หายไปไหนค่ะ เมื่อวาน มีรวมญาติทานข้าวกันที่บ้าน เลยยุ่งไม่มีเวลาแวะเข้ามาได้ค่ะ ...
ช่วงนี้ หาสูตรอาหารแปลกๆๆ ยังไม่เจอ กำลังนั่งคิดว่าจะทำอะไรดีค่ะ ...เดี๋ยวไปคิดแล้วจะเข้าครัวไปทำอาหารมาให้ค่ะ ...ครัวบ้านโน้นก็เหงาๆๆค่ะ
คุณคุกกี้นิ่มค่ะ ถ้าไดไปนั่งเรื่องแบบนั้น ช่วยถ่ายรูปมาให้ชมกันบ้างนะคะ...
Post a Comment