March 25, 2010

เพื่อนชวนไปทำบุญกับหลวงพ่อ ที่ปฏิบัติธรรมในป่า จ จันทบุรี

กลับเมืองไทยครั้งนี้ ที่แรกวางแผนกันว่าจะไปไหว้พระพุทธบาทเขาคิชกูฎ วางแผนกันนานมาก จนสุดท้ายสรุปว่าไม่ไปกัน เนื่องจากมีหลายสาเหตุ (แต่อย่าไปรู้เลยน่ะว่าสาเหตุอะไร)

มาถึงเมืองไทยวันพฤหัสตอนกลางคืน ก็เตรียมตัวว่าจะกลับบ้านชัยนาท วันศุกร์ตอนเช้า ยัยตา เพื่อนรักโทรมาชวนไปทำบุญกับหลวงพ่อเฉลิม ซึ่งปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าบนเขา ใกล้น้ำตกพลิ้ว ก็อยากไปทำบุญเหมือนกัน ยิ่งทำบุญกับพระที่ปฎิบัติธรรมสายหลวงตาบัวแล้วด้วย ชื่นชอบค่ะ เลยตกปากรับคำกับเพื่อนว่าจะไปด้วย จากนั้นก็โทรไปหาป้าแดง เพื่อจะชวนป้าแดงไปด้วย เพราะการไปครั้งนี้ ยัยตาจะขับรถไปเอง แล้วมีเพื่อนอีกคนคือ ยัยหมอน ก็มีกันสามคนเอง ชวนเพิ่มอีกซักคนสองคนคงไม่แน่นรถ เลยรีบโทรหาป้าแดงเลย
บังเอิญป้าแดงก็เคลียร์คิวกะลุงไว้แล้ว เพราะคิดว่าจะไปเขาคิชกูฎกัน เสาร์-อาทิตย์นั้นพอดี คิวก็เลยว่าง ป้าก็บอก”ไปดิ” ก็ตกปากรับคำไปด้วยกัน โดยจะออกเดินทางกันในเช้าวันเสาร์ ตี 5 พอวางหูจากป้าแดงเสร็จ ก็โทรไปหาคุณนินจา เผื่อว่าจะว่าง จะได้ชวนไปด้วยกัน กดโทรฯ ตู๊ดดด.... “พี่หน่อยๆ จะไปจันทบุรีมั้ย” พี่หน่อย “อ้าวววไหนว่าไม่ไปแล้วงัย” “ไม่ใช่พี่ คนละที่กัน ที่จะไปนี่คือน้ำตกพลิ้ว พี่หน่อยจำหลวงพ่อที่ปวิตาเคยพูดให้ฟังมั้ย ที่พี่อยากไปน่ะ ปวิตาชวนไปทำบุญกัน" ....."ถ้าจะไปให้เตรียมตัว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแวะไปรับ" .....พี่หน่อยรีบรับปาก “ไปๆๆๆ อยากไปอยู่แล้ว” “งั้นเตรียมตัวรอน่ะพี่” เจอกันพรุ่งนี้


ไปรับพี่หน่อยตอนเช้า เด็กมายืนรอเปิดร้าน จะเล่นเกมส์ ป้าหน่อยรีบไล่เด็กที่มาเล่นเกมส์กลับบ้าน บอกเด็กว่า "วันนี้ปิดร้าน ป้าจะไปเที่ยว เอ้ยยย ไปทำบุญ" เด็กเดินร้องไห้กลับบ้าน แม่มันคงนึกว่าโดนเด็กที่ไหนซัดมาแหง๋มๆ แต่เด็กบอกป้าหน่อยปิดร้าน อดเล่นเกมส์ ....
รถที่เราขับกันไป ไม่สามารถขับขึ้นไปบนเขาที่หลวงพ่อท่านอยู่ได้ ตอนเราเอารถไปจอดที่ลานจอดรถของน้ำตกพลิ้ว แล้วหาซื้ออาหารที่นำไปถวายหลวงพ่อบนเขา


พอดีพวกเราพบหลวงพ่อกำลังบิณฑบาตอยู่แถวนั้นพอดี เจ๊ตาเลยเข้าไปกราบและเรียนท่านว่า พวกเราจะขึ้นไปถวายอาหารเช้าด้วย หลวงพ่อดูท่าทางจะดีใจ แถมยังอุตสาห์ไหว้วานให้ชาวบ้านแถวนั้น ขับรถกะบะพาพวกเราขึ้นมาบนเขา
รถกะบะส่งพวกเราได้ประมาณครึ่งทาง เพราะรถไม่สามารถเข้าไปได้อีกแล้ว พวกเราจึงลงเดินตามหลวงพ่อไปที่สำนักปฏิบัติธรรมข้างบน หลวงพ่อเดินนำหน้าลิ่วเลย เห็นไกลนั้นแหละค่ะ

ตรงนี้เป็นสะพานข้ามลำธารน้ำตก ที่พวกเราจะต้องเดินข้ามไปหาหลวงพ่อ ...และน้ำในลำธารนี้ ซึ่งมาจากน้ำตก จะไหลตลอดทั้งปี หลวงพ่อเองก็จะลงมาตักน้ำจากที่นี่ขึ้นไปใช้ที่สถานปฎิบัติธรรมของท่านทุกวัน

มาถึงจุดหมายปลายทาง ที่เล่นเอาพวกเราได้เหงื่อเหมือนกันน่ะเนี้ย แต่พวกเราเก่งค่ะ เดินแค่นี้จิ๊บจ้อย....เดินลิ้นห้อยกันมาเลย...
มาถึงก็จัดเตรียม ข้าวปลาอาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม เพื่อที่จะได้ถวายหลวงพ่อฉันท์เช้า

ให้ผู้ใหญ่ที่อาวุโสกว่าในกลุ่มของเรา เป็นคนถวายอาหารให้หลวงพ่อ
ระหว่างรอหลวงพ่อฉันท์อาหารเช้า พวกเราขอก็อนุญาติหลวงพ่อ เดินชมวิวในบริเวณรอบสถานปฎิบัติธรรมของท่าน เป็นที่ร่มรื่น และสะอาดมาก หลวงพ่อบอกหลวงพ่อ เก็บกวาด ทุกวัน ไม่ทำให้รก ขยะหลวงพ่อก็จะเผา ไม่ทิ้งมั่ว 

ตรงนี้เป็นโรงครัวของหลวงพ่อ ซึ่งมีไว้สำหรับทำอาหาร (แต่ไม่ค่อยได้ททำบ่อยเพราะหลวงพ่อออกบิณฑบาตมา แล้วอีกอย่างหลวงพ่อฉันท์อาหารมื้อเดียว หลวงพ่อบอกเอาไวต้มน้ำไว้ดื่มกินเท่านั้น 

ที่นอนสำหรับหลวงพ่อ ที่ต่อให้ยกพื้นสูง เข้าใจว่าเพื่อป้องกันอันตรายจาก สัตว์ร้ายหรือสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ที่จะออกมาในเวลากลางคืน

ห้องน้ำ

รูปหินตั้งต่อกัน ดูแปลกตาดี ทิวทัศน์ก็สวย หลวงพ่อเล่าให้พวกเราฟังว่า ทีตรงนี้เป็นสวยยางของเอกชน (ขอโทษจำชื่อไม่ได้) ตอนแรกหลวงพ่อมาปักกด ตรงนี้ แล้วเห้นว่าเงียบสงบดี ต่อมาก็ได้น้ำพักน้ำแรงจากชาวบ้านบ้าง จากคนที่เคารพหลวงพ่อบ้าง นำปัจจับมาถวาย หลวงพ่อจึงสร้างที่อยู่ให้ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะสร้างเป็นวัดหรืออย่างไร
หลังจากหลวงพ่อฉันท์อาหารเช้าเสร็จ ถึงเวลาลูกศิษย์อย่างพวกเรามั่ง ด้วยความหิวนิดๆ อาหารที่หลวงพ่อบิณฑบาตรมาก็เยอะ แล้วยังที่พวกเราซื้อไปอีก มากมาย จน 5 คน กับอีก 2 ตัวกินไม่หมด จนต้องเอาไปให้เด็กชาวบ้านแถวนั้นบ้าง  

เดี๋ยวไปต่อตอนหน้ากันค่ะ

No comments: