March 23, 2010

เขาชีจรรย์ สัตหีบ

เขาชีจรรย์
พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา เป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาส ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯมหาราชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
ในปีพุทธศักราช 2539 ด้านหน้ามีลานอเนกประสงค์ มีการจัดสวนต้นไมไว้ได้อย่างสวยงาม สถานที่มองไปเป็นที่ราบเชิงเขา และเขาแกะสลัก รูปพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ไว้ที่ผนังอย่างงดงามชัดเจน


              
เขาชีจรรย์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1/4 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะสูงชันมากยอดเขาสูงที่สุดมีความสูง 248 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 180 เมตรจากระดับพื้นดิน ..เขา ชีจรรย์เป็นหินเนื้อปูนประกอบด้วยหินอ่อนแคลก์ซิลิเกต, รูปเลนส์, ขนาบด้วยหินฟิลไลต์, หินฉนวน และหินเมต้าเชิร์ต

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงชื่ออยู่คู่กับเขาชีโอน ซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสัง วรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลัก บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ให้เป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธ ศาสนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 ถึงพุทธศักราช 2533


พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ .เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะ สุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตรฐานบัวหรือบัวบัลลังค์สูง 21 เมตร รวมความสูง ขององค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตร เป็นแบบนูนต่ำ
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา" มีความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ



ให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 18.00 น. การเยี่ยมชมควรแต่งกายด้วยความสุภาพ และปฎิบัติตาม ป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด และงดเสียงดัง ควรระวังไม่เข้าใกล้องค์พระเกินกว่าที่กำหนดเพราะอาจเกิดอันตราย เนื่องจากจากหินที่อาจจะล่วงหล่นลงมาได้
สถานที่แห่งนี้จะอยู่ใกล้กับอเนกกุศลศาลาและวัดญาณสังวราราม ซึ่งสามารถเดินทาง ระหว่างสถานที่ได้อย่างสะดวก ซึ่งในปัจจุบันพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ ...แห่งนี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมและ แวะมาสักการะทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sattahiptour.com/

No comments: