รูปภาพทั้งหมดในblog แห่งนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ไว้ตามกฏหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดนำไปเพื่อตีพิมพ์ หรือกระทำการใดๆเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ถ้าหากท่านต้องการนำรูปภาพจากเวปแห่งนี้ เพื่อไปเผยแพร่ต่อสาธารณะชนหรือทำกิจกรรมใดๆ กรุณาอ้างอิงแหล่งที่มาของภาพ หรือให้เครดิตเจ้าของภาพด้วยนะคะ
December 28, 2007
พักที่ Cave Lodge อ.ปางมะผ้า
มาแล้วชอบสถานที่มาก บรรยากาศดี ด้านหน้าห้องพักติดลำธารขนาดใหญ่ ร้านอาหาร บรรยากาศเหมือนชาวทางเหนือ นั่งกันกับพื้นแต่มียกโต๊ะยกให้สูงกว่าพื้นที่เรานั่ง มีกองไฟตรงกลาง ตรงกลางบ้าน สำหรับก่อไฟ ร้องเล่นกันได้ แต่ตอนเราไป ไม่มีใครเล่นกัน ก็ดีอ่ะ เพราะเราไม่ชอบ อิอิอิ
ส่วนนี่ คือสิ่งที่สามีเราอยากให้เราเห็น เพราะมันคือเตาอบสมัยโบราณ ..ที่คุณจอร์น เจ้าของบ้านพักนี้ สร้างขึ้นมาเอง เพื่อใช้อบขนม เช่น ขนมปัง พิซซ่า หรือเค้กต่างๆ ....เป็นเตาอบ ที่ใช้ฟืนก่อ (อ้อ..ลืมบอกว่าที่นี่ ไม่มีไฟฟ้าใช้ จะมีไฟ เค้าต้องปั่นไฟ) ก่อนเราจะกลับ พอดี แฟนของคุณจอร์น กำลังจะทำเค้กกล้วยหอม เลยได้ไปดูเธอกำลังจุดไฟ เพื่อวอร์มเตาอบ ...ส่วนขนมปังที่เราทานกันเป็นอาหาร เธอบอกว่าก็อบจากเตานี้เหมือนกัน น่าทึ่งมาก เพราะขนมปังออกมานุ่ม น่าทานมากเลยแหละ
เที่ยวถ้ำรอด อ.ปางมะผ้า จ แม่ฮ่องสอน
เถื่อนถ้ำยิ่งใหญ่กลางพงไพรแม่ฮ่องสอน ซอกซอนเป็นโพรงถ้ำด้วยธารน้ำไหลผ่านชั่วนาตาปีมีโลกพิสุทธิ์ดุจประกายเพชรคือหินงอกหินย้อยตระการตา ในโลกแห่งความงามใต้พิภพแห่งนี้ มีเรื่องราวลี้ลับหลังความตาย ที่กลายมาเป็นแหล่งโบราณคดีล้ำค่าซ่อนอยู่
แม่ฮ่องสอน
อำเภอเล็กๆอำเภอหนึ่งทางเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนพื้นที่ส่วนใหญ่ติดชายแดนประเทศพม่า ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น ลีซอ มูเซอ และเย้าที่อาศัยอยู่ปะปนกับคนเมือง มีแหล่งท่องเทียวที่น่าสนใจคือถ้ำลอด เป็นถ้ำกว้างใหญ่มีน้ำไหลผ่าน การเข้าถ้ำต้องใช้วิธีนั่งแพแล้วมีคนก่อ มีคนนำทาง ในถ้ำลอดจะมีถ้ำต่างๆ เช่น ถ้ำผีแมนจะมีโลงศพคนโบราณ ขากลับจะใช้วิธีนั่งแพกลับ หรือเดินกลับอีกทางหนึ่งนอกถ้ำก็ได้ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงได้แก่ ถ้ำแม่ละนา ถ้ำผาเผือก ส่วยที่ อ.ปาย ที่อยู่ใกล้เคียงมีแหล่งท่องเที่ยวคือ น้ำตกหมอแปง และการล่องแก่งแม่น้ำปาย
การเดินทาง จากอำเภอปางมะผ้าจะมีทางแยก 9 กิโลเมตร สู่บ้านถ้ำลอดซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านถ้ำลอด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคเหนือ เขต 1 ทร. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-1466
December 25, 2007
น้ำพุร้อนสันกำแพง
ก่อนจะเข้าไปก็แวะซื้อไข่ มีทั้งไข่ไก่ และไข่นกกระทา เลือกเอาอยากได้ไข่อะไร ชะลอมละ 20 บาท เด็กๆชอบกันมาก เพราะไม่เคยเห็นน้ำพุร้อนมาก่อน แถมยังต้มไข่กินได้ด้วย ที่บ่อน้ำร้อน จะมีที่สำหรับไว้ให้ห้อยชะลอมไข่ สำหรับต้มไข่ แล้วจะมีบอกว่า เราต้องการจะต้มไข่แบบไหน ในเวลาเท่าไหร่
ที่น้ำพุร้อนแห่งนี้ยังมีที่พัก เต็นท์ แค้มป์ปิ้ง ห้องอาบน้ำแร่ไว้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่ธุรกิจน้ำพุร้อนสันกำแพง หมู่บ้านสหกรณ์ อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่50130 หรือ โทร. 015100418
December 15, 2007
จุดชมทิวทัศน์และพระมหาธาตุเจดีย์
ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จุดชมทิวทัศน์อยู่ตรงกิโลเมตรที่ 41 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์
สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของขุนเขาสลับซับซ้อน โดยเฉพาะยามเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมเหนือหุบเขาน่าชมมาก จากจุดชมทิวทัศน์สามารถมองเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสูงเด่นอยู่คู่กัน
สำหรับทางเข้าพระมหาธาตุฯ ทั้งสององค์อยู่ห่างจากจุดชมทิวทัศน์ไปอีกประมาณ 500 เมตร กองทัพอากาศสร้างพระมหาธาตุทั้งสององค์ขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บริเวณรอบองค์พระมหาธาตุฯ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกเมืองหนาวสวยงาม ชมทิวทัศน์สวยงาม อากาศหนาวเย็น ดอกไม้ก็สวย เด็กๆอีกเหมือนเคย แต่เหนื่อยตอนเดินขึ้นลง พระมหาธาตุนี่แหละ เล่นเอาจากที่หนาวๆ ใส่เสื้อแจคเก๊ตกัน ต้องถอดเสื้อออกเพราะร้อนกันเลยแหละค่ะ
ธรรมชาติสวยงามจริงๆ ...โอกาศแบบนี้ไม่ค่อยได้มีบ่อยๆ เพราะเราไม่ได้ไปบ่อย หรือทุกปี ได้ขึ้นมาครั้งนี้ นับว่าโชคดีมากค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสขึ้นไปอีกเมื่อไหร่
เที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
วันที่ไปอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ถ้าจำไม่ผิดอุณหภูมิ อยู่ที่ 10 องศาซี ตอนั้นเวลาประมาณ 11.00-12.00 น ...
ไหว้พระธาติ อะไรไม่รู้จำไมได้แล้ว และเป็นจุดที่สูงสุดบนยอดดอยแห่งนี้ ...หลังจากไหว้เสร็จ เราก็ขับลงไป ที่พระปบมมหาธาตุคู่ เพื่อชมความสวยงาม
December 10, 2007
เที่ยวดอยอ่างขาง จ เชียงใหม่
อ่างขาง เป็นภาษาเหนือ หมายถึง อ่างสี่เหลี่ยม ซึ่งได้ชื่อมาจากลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ทำให้อากาศบนดอยหนาวเย็นตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว
ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่จุดชมวิว ที่มีอากาศหนาวเย็น น่าจะต่ำกว่า 10 องศาได้ เพราะเราไม่เคยเจออากาศหนาวขนาดนี้เลย....พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพราะเราเหมารถสองแถวให้เค้าขับพาพวกเราขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ในราคา 400 บาท เหตุที่ค้องการแต่เช้ามืด เพราะถ้ามาสายคนจะเยอะ แล้วเราก็จะวิวที่มองพระอาทิตย์ได้ไม่ถนัด ขนาดมาถึงก่อน ยังโดนเบียดเกือบตกขอบเลย ฮ่าๆๆๆๆ แล้วเราก็ได้เห็นความสวยงามของพระอาทิตย์ยามเช้า ...
จากนั้นรถก็มาพวกเราไปยังไร่สตอเบอรี่ ที่ชาวเขาแถบนั้ปลูกเป็นอาชีพ เค้าบอกให้เราเก็บได้เองตามใจชอบ ไอ้เราก็นึกว่าจะเก็บฟรีเอากลับที่พักได้ ที่ไหนได้ พอเก็บเสร็จ คนงานในไร่สตอร์เบอรี่อกให้เอาไปชั่ง แล้วจ่ายตังส์ อ้าววว นึกว่าจะฟรี อิอิอิ
จริงๆแล้ว..โปรแกรมหลัจากดูพระอาทิตย์ เค้าจะพามาดู "ทะเลหมอก"ก่อน ...แต่พอดีโหลดรูปผิดตำแหน่งไปหน่อย อิอิอิ...ออกจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างทางไปไร่สตอร์เบอรี่ คนขับสองแถวก็จอดให้เราลงไปถ่ายรูปทะเลหมอก แต่เนื่องจากเราออกจากจุดชมวิว สายไปหน่อย เพราะคนเยอะ รถก็ติด กว่าจะได้คิวออกมาได้ เล่นเอาสายเลย ทะเลหมอกเลยบางลงไปหน่อย ...แต่ก็ยังได้เก็บภาพสวยงามมาได้เหมือนกัน ...สวยจริงๆ
นี่เป็นบ้านพักบนดอยอ่างขาง ...มีหลายไสตล์ หลายราคา ...สามารถเดินเข้าไปเช็คอินได้เลย ...ห้องหนึ่ง พักได้ ประมาณ 6-8 คน..เป้นเตียงติดกันพรืดดดดดเลย ...ที่นอนทั้งนุ่มและหนามาก เรียกว่าถ้าลงนอนแล้วไม่อยากลุก หรืออกมาจากผ้าห่มเลยแหละ เพราะมันอุ่นสบายจริงๆ ห้องพักจะไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ เพราะอากาศเย็น อยู่แล้วไม่ต้องพึ่งแอร์เลยจ้า
ติดต่อ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทร. 0 5345 0107 - 9
ขอบคุณแหล่งข้อมูล และอ่านรายละเอียด"ดอยอ่างขาง"เพิ่มเติมได้จาก การท่องเที่ยงแห่งประเทศไทย
December 06, 2007
เที่ยวตลาดน้ำตลิ่งชัน กทม
ริมฝั่ง "คลองบางขุนศรี" หรือคนทั่วไปมักเรียกว่า "คลองชักพระ" ยังคงบรรยากาศ และวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำ ชาวบ้าน วัด บ้านทรงไทย ทั้งแบบเก่า และ แบบประยุกต์ ร้านค้า เรือขายของ สองฝั่งแวดล้อมด้วยสวนกล้วยไม้ สวนผักและผลไม้พื้นบ้าน อาทิ กระท้อนห่อ ขนุน มะปรางไข่ มะม่วง เป็นต้น
ตลาดน้ำตลิ่งชัน เป็นตลาดกึ่งชนบท ผสมผสานระหว่างชีวิตริมน้ำกับธรรมชาติ ตลาดมีเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ เท่านั้น โดยประมาณ 07.00 น. พ่อค้า แม่ค้า ซึ่งก็คือ ชาวสวนในพื้นที่จะเริ่มนำผลผลิตจากสวน ซึ่งมีทั้งพันธุ์ไม้ ผักสด ผลไม้ ปลา และสัตว์น้ำต่างๆ มาจำหน่ายเหมือนตลาดสดทั่วไป เพียงแต่ผลผลิตเหล่านี้ จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และวิถีชีวิตชาวสวน
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารบนแพริมน้ำ ซึ่งมีอาหารไทยและขนมหวานหลากหลายชนิด งานหัตถกรรมจากภูมิปัญญาชาวบ้าน การจัดทัวร์ทางน้ำท่องเที่ยวดูวิถีชีวิตริมคลอง และฟังดนตรีไทยที่จะมาบรรเลงเพลงในวาระโอกาสพิเศษต่างๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมท่าน้ำหน้า สนง. เขตตลิ่งชันแขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170ฝ่ายปกครอง สนง. เขตตลิ่งชันโทร. 0 2424 1712 , 0 2424 5448แฟกซ์. 0 2424 5448
ขอบคุณแหล่งข้อมูล "เที่ยวกรุงเทพ"
December 01, 2007
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี
February 18, 2007
พระตำนักดาราภิรมย์ จ เชียงใหม่
เจ้าดารารัศมีทรงใช้พระตำหนักหลังนี้ปฏิบัติพระกรณียกิจอันเป็นคุณูปการทั้งทางด้านเกษตร และศิลปะวัฒนธรรม อาทิ ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมล้านนาให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวเหนือ ทรงสร้างสวนทดลองการเกษตรชื่อ “สวนเจ้าสบาย”
เนื่องจากทรงสนพระทัยในการเกษตรและทรงหวังที่จะช่วยการกสิกรรมของภาคเหนือ ทรงทดลองปลูกดอกกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ ที่ทรงได้จากสมาคมกุหลาบแห่งอังกฤษที่ทรงเป็นสมาชิกและพันธุ์ที่โปรดที่สุดเป็นกุหลาบดอกใหญ่สีชมพู กลิ่นหอมเย็น จึงทรงตั้งชื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แต่พระบรมราชสวามีว่า “จุฬาลงกรณ์” และก่อนสินพระชนม์ เจ้าดารารัศมีได้ทรงทำพินัยกรรมประทานที่ดินนี้เป็นมรดกแก่ทายาท
ต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ซื้อที่ดินต่อจากทายาท โดยมีการมอบโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องในเวลาต่อมา เจ้าดารารัศมีเป็นเจ้าจอมที่เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมากองค์หนึ่ง เพราะนอกจากเจ้าดารารัศมีมีพระอัธยาศัยอันงดงามแล้ว ยังทรงเป็นผู้เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าพระบรมราชวงศ์จักรีกับดินแดนล้านนา ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดียังประโยชน์แก่อาณาจักรสยามเป็นอย่างยิ่ง
ชั้นล่าง
จัดแสดงเครื่องมือเกษตร ที่ทรงใช้ในการทดลองการเกษตรแผนใหม่ ในสวนเจ้าสบาย นอกจากนั้นยังมีเครื่องทอผ้า ซึ่งใช้ทอผ้าสำหรับพระราชชายาฯโดยเฉพาะ
** คัดลอกบางส่วนจากเอกสารพิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์**
February 08, 2007
วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) จ.เชียงราย
ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ต.ป่าอ้อดอนชัย เป็นวัดบ้านเกิดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งท่านได้ก่อสร้างพระอุโบสถของวัดด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาเป็นงาน "สร้างศิลป์เป็นแผ่นดิน" โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว ได้เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2541 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2551 โดยจะเป็นผลงานสร้างชิ้นสุดท้ายของอาจารย์ ที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่มีฝีมือและสติปัญญา
ก่อนเข้าเมืองเชียงรายประมาณ ๑๓ กิโลเมตร ตรงสามแยกไฟแดง ทางเข้าน้ำตกขุนกรณ์ จะเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุ่น ซึ่งห่างถนนใหญ่เพียง ๑๐๐ เมตร เท่านั้น(ข้อมูลจากแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย)
January 27, 2007
Mae Sa Elephant Show at Mae-Rim, Cheang Mai
เสร็จจากการแสดง ก็เป็นการให้รางวัล นั่นคือ ซื้ออาหารให้ช้างค่ะ ...ทั้งกล้วยและอ้อย
เจ้าช้างน้อยดีใจ แถมได้กินมากมายเลยงานนี้ ...ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่จ้ะน้องช้าง
เอ้..ลูกเราไม่กล้า...ยืนมองเฉยเลย ..ไม่ต้องกลัวลูก ..ช้างไม่กัด ฮ่าๆๆๆ
อ้าวววอย่าว่าแต่ลูกเลย พ่อก็ยืนจ้องอยู่นั้นแหละ ...ส่งซะทีซีเพ่...
ของกินเยอะแยะ คนซื้อให้ช้างมากมาย เจ้าช้างก็ไม่รู้จะรับจากใครก่อนดี ...
Mae Sa Elephant Show at Mae-Rim, Cheang Mai
เที่ยวปางช้างแม่สา ที่อำเภอแม่ริม เป็นศุนย์ฝึกช้างและการแสดงช้าง
เหล่าบรรดาช้างน้อยเต้นโชว์ผู้ชมที่มาชมกันมากมาย
ช้างเตะบอล..ดาวยิงของปางช้างแห่งนี้
ส่วนเจ้าตัวนี้ก็เป็นผู้รักษาประตู ที่งานนี้ไม่มีตัวไหนพังไประตูไปได้เลย เพราะเจ้านี่กันได้ดี
จากนั้นเป็นการแสดง ช้างวาดภาพ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์จริงๆ ที่ช้าง สามารถใช้งวงวาดภาพได้
วาดออกมาได้สวยงาม ไม่แพ้คนเลยทีเดียว น่าทึ่งทั้งผู้ฝึกและเจ้าช้างน้อย ภาพที่ช้างวาดเสร็จแล้ว
ทางปางช้าง จะนำไปตั้งขายในร้านขายของที่ระลึกของปางช้างแห่งนี้
ช้างนวด..ใครสนใจ ไม่ต้องไปสปาเลยค่ะ อิอิอิ
ปาลูกดอกใส่ลูกโป่ง แข่งกับผู้ชมที่ร่วมเล่นด้วย
การแสดงสุดท้าย โชว์ความแข็งแรง ของช้างพลาย ที่สมัยก่อนคนมักใช้ช้างลากซุงและทำงาหนักๆ แทนเครื่องจักร์ได้ค่ะ