December 03, 2008

เที่ยวเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 2

หลังจากขับรถจาก กรุงเทพฯ จนถึงที่พัก ก็คิดว่าว่าพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยขับรถดูอะไร แต่เห็นห้องพักน่ารัก แล้วอากาศก็เย็นสบาย เลยนอนเล่นกันเพลินจนไม่อยากออกไปไหน พอถึงเวลาอาหารเย็น คุณป้าที่ดูแลรีสอร์ท บอกสั่งอาหารขึ้นมาทานได้ จะมีทางร้านเค้าบริการมาส่งให้ถึงรีสอร์ท โอ้โห้..บริการดีจัง เลยสั่งอาหารขึ้นมาทานกันในค่ำคืนที่อากาศหนาวเย็น

วันรุ่งขึ้นก็ออกตะลอนทัวร์ เขาค้อ เนื่องจากที่ที่เราพักอยู่ การเที่ยวเขาค้อ ป้าแนะนำว่าเที่ยวเป็นแนวรอบวงกลม วนไปเรื่อย แล้วจะวกกลับมาที่ที่เราพักอีกทางหนึ่ง เราก็ออกเดินทางกันตอนสายๆของวันใหม่ เริ่มด้วย "พระตำหนักเขาค้อ" เป็นจุดแรก ที่พระตำหนักนี่ ดูธรรมดา ไม่ได้หรูหราอะไร ทางการเปิดให้ประชาชนเข้าชมรอบๆบริเวณพระตำหนักเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจมากของเรา น่าจะเป็น "สวนกุหลาบ" ดอกโต ที่ออกดอกสะพรั่ง เบ่งบานพร้อมกัน หลายๆสีทีเดียว ดอกใหญ่ สีสวย ทำเอาเราหลงไหล ...สวยงามจริงๆ แต่ตากล้องถ่ายรูปไม่ได้เรื่องเนอะ ..กล้องไม่ดี (โทษกล้องไปโน่น อิอิอิ)


พระตำหนักเขาค้อ ตั้งอยู่บนเขาย่า ซึ่งทางขึ้นพระตำหนัก ตลอดเส้นทางเป็นทางลาดชัน วันนั้นพวกเราขับกันแบบลองรถของเราไปตัว และแล้วอีกแก่ของเราก็พาไปถึงพระตำหนักได้เป็นอย่างดี (คนนั่งเกร็งไปหมด)ลูกสาวเริ่มบ่น ว่าทางน่ากลัวจัง เราว่าจะคว้ากล้องมาถ่ายรูปทางซะหน่อย แต่ด้วยความที่ช่วยลุ้นให้รถขึ้นได้ เลยไม่กล้าแม้จะหยิบกล้องขึ้นมา อิอิอิ

พระตำหนักเขาค้อ เป็นพระตำหนักที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่บนเขาย่า สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,100 เมตร จัดสร้างโดยบรรดาข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ภายหลังการต่อสู้ด้วยอาวุธกับ ผกค. สิ้นสุดลงแล้ว จึงได้รวบรวมทุนทรัพย์ ริเริ่มการก่อสร้าง พระตำหนักเขาค้อ ขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นที่ทรงงาน และแปรพระราชฐานมาประทับแรม ในวโรกาสที่พระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาตรวจเยี่ยมโครงการตามพระราชดำริ ในพื้นที่เขาค้อ

ที่มาของข้อมูล http://www.khaoko.com/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

วิวด้านข้างพระตำหนัก ซึ่งเป็นที่พักของคณะผู้ติดตาม

บรรดาดอกกุหลาบ ที่เบ่งบานสะพรั่งพร้อมกันมากมายหลายสี มองแล้วสดชื่น สบายตาและสบายใจจริง

ความงามไม่แพ้กัน ในแต่ละสี ทำให้เราหลงไหล อยากเป็นเจ้าของ แต่ก็ได้แค่คิดหล่ะค่ะ คงไม่วาสนาจะได้ปลูกดอกกุหลาบ ดอกโตๆแบบนี้ได้

ออกจากพระตำหนักเขาค้อ ก็ขับไปเรื่อยๆ ตามทางจะมีป้ายบอกไป "น้ำตกศรีดิษฐ์" ขับอยู่นานมากและคิดว่าไกลด้วย ยังไม่ถึงน้ำตกอีก นึกใจในว่าจะหลงกันหรือเปล่า แต่มันก็ไม่มีทางให้เราหลง เพราะมันไม่มีทางเลี้ยวไปไหนเลย ก็ตัดสินขับกันไปเรื่อย จนเห็นป้ายบอกทางไปน้ำตก ก็เลี้ยวเข้าไป เข้าชมน้ำตก โดยเสียค่าบัตรผ่านประตูเข้าไปพร้อมทั้งรถด้วย ก็ 130 บาท เจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋ว ก็บอกว่า ตอนนี้น้ำตกไม่ค่อยเยอะ แต่ก็พอมีให้ดู ...อ้าววจะเข้ามีมั้ยหว่า แต่ไหนๆก็มาแล้ว เข้าไปชมซะหน่อย

น้ำตกก็ดูสวยดี แต่ถ้าน้ำเยอะ คงสวยกว่านี้นะ



น้ำแห้งจนมองเห็นโขดหิน

ออกจากน้ำตก ก็ขับรถกันต่อไปที่ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ซึ่งตั้งอยู่บนเขาค้อ เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ระยะทางอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อยู่ติดถนนด้านขวามือ แต่ถ้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งวันนั้นเราขับรถเที่ยวกันลักษณะวน เจดีย์นี้จะอยู่ทางซ้ายมือ

วันนั้นเราจึงได้เข้าไปสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งจะหาโอกาสไม่ได้ง่ายๆแบบนี้บ่อยนัก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย

ลักษณะรูปแบบในส่วนของรูปด้านบริเวณฐานชั้นล่างและฐานชั้นบนยึดขยายยกสูงขึ้น และได้มีการนำลักษณะแบบอย่างการใช้ซุ้มคูหามาประดับเข้า 4 ด้าน ซึ่งในการประดับด้วยซุ้มคูหานี้ตามหลักฐานปรากฏว่า มีการใช้มาตั้งแต่ครั้งสมัยทวาราวดี บริเวณฐานชั้นล่างนี้มีซุ้มคูหา 4 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ และบริเวณฐาน 8 เหลี่ยม ตอนบนมีซุ้มคูหาขนาดใหญ่ และเล็กสลับกัน ซึ่งซุ้มคูหาขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ

ที่มาของข้อมูล จาก http://www.khaoko.com/



No comments: